วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

M7 Priest



M7 ที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่ Aberdeen Proving Ground, แมรีแลนด์

ข้อมูลเื้บื้องต้น


น้ำหนัก : 23 tons


ความยาว : 6.02 m.

ความกว้าง : 2.88 m.

ความสูง : 2.94 m.

ความหนาตัวถัง : สูงสุด 51 mm

เครื่องยนต์ : Continental R - 975 C1, 375 hp

ความเร็ว : สูงสุด 40 km/h

เคลื่อนที่ได้ไกลสุด(น้ำมันเต็มถัง) : 200 km

ผู้โดยสาร : 1 พลขับ + 6

อาวุธติดตั้ง : 1.ปืนใหญ่วิถีโค้ง howitzer 105 mm HM1/HM2, 2.ปืนกล 12.7 mm

History

หลังจากฝรั่งเศสพ่ายแพ้ ทั้งสองฝ่ายเข้าใจประโยชน์ของรถปืนใหญ่แบบขับเคลื่อน ฝ่ายเยอรมันได้พัฒนา The Wespe, 105mm ปืนใหญ่ติดตั้งบนตัวถัง Panzer II ทางสหรัฐกำลังศึกษาพัฒนาปืนใหญ่ 75mm และยังพบว่ายาน พาหนะนี้จะต้องติดเกราะ และติดตามสนับสนุนได้อย่างรวดเร็ว จึงตัดสินใจที่จะใช้ตัวถัง M3 Lee เป็นพื้นฐานสำหรับรถใหม่นี้ ในเดือนมิถุนายน 1941 เริ่มพัฒนาต้นแบบและในกุมภาพันธ์ 1942 สำเร็จเป็นยานเกราะ M7 สามารถใช้กระสุน HM2 ทั้งหมดนี้นำไปสู่การขนส่งที่ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันสำหรับการดำเนินงานซึ่งอยู่ทั้งบนบกและในน้ำ : M7B1 กองทัพฝรั่งเศสได้ยานเกราะที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้เข้าปะจำการใหม่ใน ปี1942, 1943

ยานเกราะ M7 เป็นรถปืนใหญ่ American self - propelled ผลิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 และได้รับชื่อเรียกว่า Priest จากการสนับสนุนกองกำลังอังกฤษ เนื่องจากมีลักษณะเหมือนวงแหวน(ที่ใช้ติดตั้งปืนกล)
อยู่เหนือตัวปืนใหญ่ ซื่งเหมือนกับมงกุฏของบิชอป จึงเป็นการกำหนดแบบในการต้งชื่อยานเกราะอังกฤษ 105mm SP Gun, Priest นี้พัฒนาเป็นประเพณีของการตั้งชื่อ guns self - propelled

M7 Priest

M7 ในชวงแรกของการผลิตได้ถูกส่งให้กองกำลังอังกฤษด้วยนโยบายเช่า-ซื้อ เป็นจำนวน 90 ลำ ที่ได้ส่งให้กองกำลังอังกฤษที่ 8 ที่ประจำการอยู่ที่แอฟฟริกาเหนือที่ยังเป็นครั้งแรกที่จะใช้ในการต่อสู้ของ สงคราม the Second Battle of El Alamein และ M7 ได้พิสูจน์ตัวเองจนประสบความสำเร็จอยางรวดเร็วและอังกฤษสั่งเพิ่ม 5,500 ลำซึ่งแม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์

ต่อมาสหรัฐพบว่ามีปัญหาจากการใช้งาน M7 และมีการแจ้งให้ยกเลิกใช้ แต่ทางอังกฤษยังยืนยันที่จะใช้งานต่อไปทั้งในแอฟฟริกาเหนือ อิตาลี และแม้แต่ในนอมังดี ภายหลังได้ถูกดัดแปลงเป็น Kangaroo สำหรับขนส่งกำลังพลได้ครั้งละ20นาย

ในสงครามเกาหลี self - propelled กับทหาร 5 นาย มุ่งสู่แนวหน้า

M7B1

เป็นรุ่นที่พัฒนาแก้ไขข้อบกพร่องแล้ว โดยใช้ต้นจากตัวถังเชอร์แมน M4A3 เป็น มาตรฐานในเดือนกันยายน 1943 และกำหนดเป็นมาตรฐาในมกราคม 1945

M7B2
พัฒนาขึ้นเพิ่อใช้ในสงคราเกาหลี โดยตัวปืนใหญ่ที่เป็นปัญหาถูกปรับให้ชันขึ้นถึง 65° ปืนกลหมุนได้
360 ° เพื่อใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศที่ไม่สม่ำเสมอของเกาหลี




105mm Howitzer Motor Carriage M7 ในพิพิธภัณฑ์ Beyt ha-Totchan, อิสราเอล