วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

M2 Half Track.

M2A1 เป็นยานเกราะหลักที่ใช้ลำเลียงปืนใหญ่

M2 Half Track Car เป็นรถเกราะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

M2 ที่ Fort Benning, Georgia, 1942 ช่วตัวถังที่สั้นกว่าเมื่อเทียบกับ M3s (ซ้ายและหลัง)
และประตูบานพับของเกราะด้านข้าง

History

การออกแบบ Half - track ได้รับการประเมินโดย US Ordnance department Citroën-Kégresse

Half-track Car M2

บริษัท White Motor ได้ผลิตรุ่นต้นแบบโดยใช้โครงสร้างที่ออกแบบเองรวมกับตัวถังของ M3 Scout Car

การผลิตยานเกราะ M2 Halftrack  บางส่วนสำเร็จเป็น halftrack scout cars เดินทางตามสายการประกอบ
แล้วย้ายเส้นทางการผลิตไปที่โรงงาน safes and locks ตัวถังจะทำในโรงงานและติดตั้งบนแชสซี
ที่ผลิตในโรงงานแปลงรถยนต์โดย บริษัท Diebold  safes and locks, Canton, Ohio

ในปี 1938 บริษัท White Motor ได้นำส่วนประกอบจาก T9 half-track เพิ่มให้ M3 Scout Car, 
จนกลายเป็น T7 Half - Track Car
 

ยานเกราะนี้ใช้ในการลำเลียงหน่วยสนับสนุนเป็นหลัก แต่ต่อมาเมื่อกองทัพสหรัฐต้องการยนเกราะที่ใช้ลำเลียงปืนใหญ่ได้ จึงได้นำมาพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ แล้วกำหนดเป็น T14
 
M2 half-track
 
ในปี 1940 ยานเกราะนี้ได้ถูกกำหนดมาตรฐานให้เป็น M2 Half-Track ได้ถูกใช้เป็นรถลำเลียงและใช้ในการลาดตระเวน
 


 ในระหว่างที่บรรจุเข้าใช้งานในกองทัพ ฝ่ายสหรัฐได้ค้นคว้ารูปแบบเพื่อการใช้งานใหม่ๆ
 
การผลิตยานเกราะ M2 Halftrack บางส่วนสำเร็จเป็น halftrack scout cars เดินทางตามสายการประกอบ
แล้วย้ายเส้นทางการผลิตไปที่โรงงาน safes and locks ตัวถังจะทำในโรงงานและติดตั้งบนแชสซี
ที่ผลิตในโรงงานแปลงรถยนต์โดย บริษัท Diebold safes and locks, Canton, Ohio

ระหว่าง 1942 และ 1943 ยานเกราะเหล่านนี้ รวมทั้ง M3 half-track ได้ถูกส่งกลับมาขึ้นทะเบียน และทำการปรับปรุงซ่อมแซมเครื่องยนต์และส่วนประกอบอื่นๆ

การผลิตยานเกราะ M2 Halftrack บางส่วนสำเร็จเป็น halftrack scout cars เดินทางตามสายการประกอบ
แล้วย้ายเส้นทางการผลิตไปที่โรงงาน safes and locks ตัวถังจะทำในโรงงานและติดตั้งบนแชสซี
ที่ผลิตในโรงงานแปลงรถยนต์โดย บริษัท Diebold safes and locks, Canton, Ohio

รวมการผลิตของ M2 และอนุพันธ์มีประมาณ 13,500 หน่วย

M4/M4A1 81mm MMC


ต่อมาเพื่อตอบสนองความต้องการของ Lend-Lease program
บริษัท International Harvester ได้กำหนดโครงสร้างที่คล้ายกับ M2 เป็น M9 เพิ่มอีก 3,500 หน่วย
 
การผลิตยานเกราะ M2 Halftrack บางส่วนสำเร็จเป็น halftrack scout cars เดินทางตามสายการประกอบ
แล้วย้ายเส้นทางการผลิตไปที่โรงงาน safes and locks ตัวถังจะทำในโรงงานและติดตั้งบนแชสซี
ที่ผลิตในโรงงานแปลงรถยนต์โดย บริษัท Diebold safes and locks, Canton, Ohio

Usage

M2s ถูกใช้ครั้งแรกในปี 1941 และจะใช้ในฟิลิปปินส์ แอฟริกาเหนือและในยุโรปโดยกองทัพสหรัฐและทั่วแปซิฟิกโดย USMC. กับอีกจำนวน 800 M2 และ M9 halftracks ถูกส่งไปยังสหภาพโซเวียต

M2 halftrack.



ยานพาหนะที่เหลือจำนวนมากถูกนำไป เช่า - ยืม โอนไปยังพันธมิตรอื่น ๆ ในอเมริกาใต้เป็นหลัก

Halftrack Car M2A1.

รถเหล่านี้มักจะได้รับการอัพเกรดรูปแบบใหม่เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ทนทาน Nicaragua's National Guard รับ M2 10 คัน ซึ่งถูกใช้งานอย่างหนักในช่วง 1978-1979 ที่นิการากัวปฏิวัติ


กองทัพอาร์เจนตินาไปปลด M9 ที่พัฒนาออกล่าสุดในปี 2006 และได้มอบให้โบลิเวีย

รถ  M2 Halftrack ใน Fort Riley, Kansas

Former operators

USA
United Kingdom
Soviet Union(สหภาพโซเวียต)
Czechoslovakia
Chile
France
Greece
Portugal
Poland
Israel - 2,000 รุ่นดัดแปลง M3/M9 ถูกนำไปใช้กับ IDF.
Mexico
Nicaragua - 10 M2 นำไปใช้ใน National Guard.
Belgium
Netherlands
Cambodia
South Vietnam
Laos
Lebanon - M3 ถูกนำไปใช้ในกองทัพเลบานอนในช่วง 1949 ถึง 1970. รุ่น Ex-IDF  นำไปสนับสนุนให้กับกับเลบานอนและกองทัพภาคใต้ของเลบานอน และภายหลังถูกส่งต่อให้กับ Hezbollah, Lebanese Army.
Argentina
 
Variants


Prime Mover/Scout Vehicle


M2 half-track

M2 - White Half-Track กับเครื่องยนต์ White 160AX ติดตังราวเหล็ก, และปืนกลสำหรับรุ่น M2HB



M2E5/M9 - ฝ่ายพันธมิตรได้เรียกคืน Half-Track, เพื่อพัฒนาเพื่อเสริม M2 ให้กับ Lend-Lease แต่ยังไม่มีรูปแบบตัวถังสั้น M2 ยังไม่ได้ติดตั้งเข้าประตูด้านหลังและมีข้างนอกคล้ายกับ M5 แต่มีโครงสร้างภายในที่แตกต่างกัน



M9A1 -- สำหรับ M2A1, M9 ได้ติดตั้งปืนกล M49 และM9A1 ที่มีประตูด้านหลัง
M2A1 halftrack.

M2E6/M2A1 -- ยานเกราะติดปืนกลหมุนได้ M49 สูงจากเบาะหน้าขวาและด้านหลังอีกสามกระบอกเพื่อใช้ในพื้นที่ ที่มีการรบ
 
 M4A1 half-track

M4/M4A1 81mm MMC -- M2 ติดตั้งฐานยิง Mortar ด้านหลัง และปืนต่อสู้อากาศยานสำหรับ M1 (81 mm) โดยใช้พลังงานจากรถ แต่สามารถยิงไปด้านหลังในกรณีฉุกเฉินจากฐานภายในรถ
A1 กำหนดให้ใช้อาวุธที่จะคงหันไปข้างหน้าและยิงจากภายในรถ 


T1E2 - T1 กับ Maxson M33 ที่อยู่ใน Bendix mount  M33 ซึ่งเป็นปืนคู่ .50 caliber M2 machine guns. ซึ่งสมารถนำมดัดแปลงเป็น M3 based T1E4.


T1E3 -- T1 ติดตั้งป้อมปืนใหญ่ด้านหลัง, เหมือนกับที่ใช้ใน B - 17 Flying Fortress แต่พิสูจน์แล้วว่าเป็นความซับซ้อนที่มากเกินไปและเหมาะสมที่จะใช้ใน M2 ต้นแบบเท่านั้น

T28 CGMC -- M2 ที่ด้านหลังติดตั้งปืนใหญ่ M1A2 37 mm autocannon ปืนต่อต้านอากาศยาน .50 บน M2 ทำให้ต้องเอาเกราะด้านข้างออกเพื่อใช้ในพื้นที่ที่เป็นภูเขา โครงการนี้ถูกยกเลิกในปี 1942 แต่ในปีเดียวกันเมื่อตัดสินใจทำรุ่นตัวถังยาว M3 Half - Track เพื่อลำเลียงพล สำหรับภายหลังเป็น T28E1

T10 -- Variant เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของสหรัฐอเมริกาได้ใช้แบบของ Hispano - Suiza HS.404 20 mm. ปืนใหญ่ที่แก้ไข Maxson mounts พัฒนาเป็น T10E1 ตัวถังยาว M3 Half Track ยานเกราะลำเลียงพล

M2 Halftrack ตามด้วย M3-based GMCs.

M2 Half Track Car
Type Half-track ยานเกราะลำเลียงพล
Place of origin United States

Specifications

Weight 9 metric tons
Length 5.96 m
Width 2.2 m
Height 2.26 m
Crew 2 + 7 passengers
Armor 6 - 12 mm
Primary armament 0.5 inch M2 Browning machine gun
Engine White 160AX 147 hp (110 kW)
Suspension Wheeled front axle, rear track
Operational range 200 miles, 320 km
Speed 40 mph